เตโชกสิณ กสิณไฟ กสิณไฟ เป็นกรรมฐานโดยใช้รูปเป็นอารมณ์ อันได้แก่ไฟเป็นอารมณ์ในการฝึก คนทั่วไปมักชอบที่เลือกที่จะเริ่มต้นด้วยกสิณไฟเป็นอันดับแรก ๆ อาจเป็นเพราะได้ยินกิตตศัพท์ของกสิณไฟมากกว่ากสิณอื่น ๆ และความมีอานุภาพของกสิณไฟนั่นเอง ไฟเป็นธาตุหนึ่งในธาตุสี่ (มหาภูตรูปสี่) ที่มีความเป็นธาตุเหมือนธาตุดินน้ำลมแต่ไฟเป็นพลังงานด้วย เมื่อเพ่งกสิณไฟแล้ว สิ่งที่ได้ จะที่ได้จะปรากฏชัดทั้งหลับตาและลืมตา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเริ่มต้นได้ดีด้วยกสิณกองนี้เหมือนกันทุกคน บางคนอยากฝึกกสิณไฟมาก พอได้ฝึกจริง ๆ แล้ว กลับขอไปฝึกกสิณดินเหมือนเดิม ทั้งนี้ เพราะกสิณไฟเป็นกองกสิณที่ทำให้เกิดทิพยจักษุด้วยกระทั้ง จึงเป็นเหมือนเสน่ห์ของกสิณไฟที่ทำให้ประชาชนชอบที่จะเข้ามาฝึกกสิณกองนี้ก่อน ซึ่งจากการปฏิบัติแล้ว กสิณหลายกองก็นำไปเกิดทิพยจักษุได้เช่นกัน เริ่มต้น ก่อนที่ท่านจะฝึกกสิณไฟหรือไม่ ท่านควรทราบก่อนว่า ท่านเหมาะสมกับกสิณกองนี้หรือไม่ ท่านอาจจะเช็คจริตที่ท่านเป็นจากศิษย์สุวรรณโคมคำก่อน พร้อมทั้งคำแนะนำว่า หากท่านต้องการจะฝึกกสิณไฟจริง ๆ แล้ว ท่านต้องกระทำการแก้ไขบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ในการฝึกกสิณให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ทั้งนี้ อาศัยดวงชาตาของท่านทำให้ได้ทราบชัดว่าท่านมีจริตเช่นไร และนำให้ท่านได้ทราบกรรมฐานที่เหมาะสมกับตนเองได้ดียิ่งขึ้น การเพ่งกสิณไฟอาจจะใช้กองไฟเลยก็ได้ แต่เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การเพ่งจากกองไฟจึงยากที่จะเป็นไปได้ ท่านอาจเริ่มต้นโดยใช้เทียนไขจุดไว้ตั้งห่างจากตัวพอประมาณ ทั้งนี้ เทียนไขก็อย่าให้เล็กเกินไป และอย่าเลือกเทียนไขที่มีกลิ่นหอม ในช่วงเวลาที่ฝึก อาจต้องปิดพัดลม เพื่อให้มองเห็นเปลวไฟได้ชัดเจน เพื่อให้ตาจับภาพของเปลวไฟที่ต้องการได้เหมาะกว่า กสิณโทษ การมองเห็นไส้เทียนสีดำ ๆ เป็นกสิณโทษ หรือการได้นิมิตกสิณไฟเป็นสีแดง เขียว หรือดำนั้นเป็นกสิณโทษทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากผู้ฝึกกสิณได้ภาพนิมิต ที่เป็นกสิณโทษ ควรละสายตาออกแล้วเพ่งเทียนใหม่ ให้ท่านทำการฝึกเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ทั้งคราวที่ท่านว่างจากกิจธุระ ให้จิตจดจ่ออยู่ที่ดวงเตโชกสิณไม่ว่าจะทำอะไร ทำให้เกิดอารมณ์ที่แน่วแน่มากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ อย่าได้หวังว่าจะสำเร็จเร็วนัก เพราะความอยากทำให้การปฏิบัติกรรมฐานช้าออกไปอีก ทางที่ดี ก็คือ ค่อยเป็นค่อยไป ได้ทำกรรมฐานก็ถือเป็นเรื่องดีสุดแล้ว |